27 เมษายน 2550

 

หาลำไพ่ช่วงปิดเทอม ตร.บุกรวบพร้อมแม่เล้าแสบ อ้าง"สปา"บังหน้าลงโฆษณา สุดโจ่งครึ่มทางอินเทอร์เน็ต



ตำรวจศดส. บุกทลายสปาเถื่อนใจกลางกรุง ค้ากามออนไลน์โจ่งครึ่ม ตะลึง ! 5 นักเรียนสาววัยขบเผาะ อายุแค่ 16-19 ปีจากต่างจังหวัด พากันเข้ามาหารายได้พิเศษช่วงปิดเทอม ตำรวจได้เบาะแสจาก ผู้ต้องหาสาววัยโจ๋ ถูกจับก่อนหน้านี้ แฉรายละเอียดหมดเปลือก เลยแกะรอยจากอินเตอร์เน็ต จนสาวหาต้นตอได้สำเร็จ เปิดบริการถึง 2 สาขา ที่ลาดพร้าว 71 และสุขุมวิท 71 ใช้ชื่อร้านสปาบังหน้า แต่ฉากหลังบริการทางเพศทุกรูปแบบ ลูกค้าอุดหนุนเพียบ เร่งขยายผลล่าตัวเจ้าของร้านฉาวแล้ว

บุกรวบค้ากามออนไลน์ครั้งนี้เปิดเผย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 25 เม.ย. พ.ต.อ. วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ ผกก.ศูนย์สวัสดิภาพเด็กเยาวชนและสตรี (ศดส.) พร้อมด้วยพ.ต.ท.วัชรศักดิ์ ขุนพลพิทักษ์ สว.สส. ประสานงานกับ พ.ต.ท.บุรี ศรีหล้า สว.สส.สน.โชคชัย นำกำลังเข้าตรวจค้นภายในร้าน ?จัสมิน สปา? ตั้งอยู่ภายในอาคารไดนาสตี้คอนโด เลขที่ 12/2 ชั้น 1 ปากซอยลาดพร้าว 71 แขวง-เขตวังทองหลาง ขณะเข้าตรวจค้นพบมีหญิงสาววัยรุ่นแต่งกายนุ่งน้อยห่มน้อย กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก พอเห็นตำรวจเข้าไปตรวจสอบต่างพากันตกใจกันยกใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดเอาไว้ได้ 5 คน อายุ 16 ปี 4 คน และอายุ 19 ปี 1 คน

จากการตรวจค้นภายในร้าน พบว่ามีการแบ่งซอยเป็นห้องเล็ก ๆ 5 ห้อง ภายในห้องมีเตียงนอนแต่ไม่มีอุปกรณ์สปาแม้แต่ชิ้นเดียว นอกจากนี้บริเวณด้านหลังร้านยังพบถุงยางอนามัยใช้แล้วทิ้งอยู่ในถังขยะจำนวนหนึ่ง จึงควบคุมตัว น.ส.ศิริวัฒนา ทวดเสนา อายุ 41 ปี รับเป็นผู้ดูแล และนายอภิรักษ์ บริบูรณ์ สาวประเภท 2 ที่กำลังนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตในห้อง รวมทั้งสาววัยรุ่นทั้ง 5 คนไปสอบสวนดำเนินคดี ที่ สน.โชคชัย เบื้องต้นน.ส.ศิริวัฒนา อ้างว่ารับจ้าง น.ส.นัชชา ไม่ทราบนามสกุล หรือ ?กระแต? ให้มาช่วยดูแลกิจการที่ร้านแห่งนี้ ส่วน น.ส.นัชชา จะประจำอยู่สาขาซอยสุขุมวิท 71

สำหรับร้าน ?จัสมิน สปา? เปิดบริการมาได้เกือบ 1 ปี เปิดตั้งแต่เวลา 13.00-01.00 น. จะให้บริการเฉพาะลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาทางเว็บไซต์เท่านั้น ให้บริการทางเพศเพียงอย่างเดียวไม่มีการทำสปาแต่อย่างใด สนนราคาตั้งแต่ 1,500-4,000 บาท หากลูกค้าต้องการแบบสวิงกิ้งจะคิดราคาหัวละ 2,000 บาท โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นพวกนักท่องเว็บเห็นประกาศทางอินเทอร์เน็ตก็คลิกติดตามเข้าไปดูแล้วโทรฯเข้ามาสอบถามรายละเอียด และเมื่อมีโอกาสเข้าไปใช้บริการก็นำเรื่องราวมาเขียนบอกต่อ ๆ กันไป

กระทั่งพ.ต.อ.วรวัฒน์ ได้เบาะแสจากหญิงสาววัย 18 ปี ที่ขายบริการทางเพศผ่านทางอินเทอร์เน็ต เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งให้การซัดทอดว่า มีเพื่อนหญิงสาวอีกมากที่ขายบริการผ่านทางอินเทอร์เน็ตเช่นกัน โดยจะมารอรับโทรศัพท์ลูกค้าที่สปาดังกล่าวจึงเข้าไปตรวจสอบในเว็บไซต์พบว่ามีการประกาศขายบริการนำภาพของหญิงสาวมาโชว์อย่างชัดเจน ระบุข้อมูลเอาไว้อย่างละเอียดไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรือเบอร์โทรศัพท์ จากนั้นพ.ต.อ.วรวัฒน์ จึงส่งสายสืบเข้าไปตรวจสอบแล้ววางแผนจับกุมได้

ในส่วนของหญิงสาววัยรุ่นที่ถูกจับกุมทั้ง 5 คน ให้การว่า เกือบทั้งหมดยังเป็นนักเรียนมัธยมปลาย และบางคนเรียนปวช.อยู่ต่างจังหวัด ช่วงปิดเทอมได้มีรุ่นพี่ร่วมสถาบันชักชวนมาทำงานเพื่อหารายได้พิเศษในกรุงเทพฯ จึงพากันเข้ามาเที่ยวหาเงินเพื่อไว้ใช้ซื้อเสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ และเก็บไว้ใช้เที่ยวเตร่ เบื้องต้นแจ้งข้อหาค้าประเวณีโดยไม่รับอนุญาตส่งตัวไปไว้ที่บ้านเกร็ดตระการ จ.นนทบุรี พร้อมแจ้งผู้ปกครอง ที่ต่างจังหวัดให้รับทราบ ส่วนน.ส.ศิริวัฒนา และนายอภิรักษ์ แจ้งข้อหาเป็นธุระจัดหาเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เพื่อค้าประเวณี นอกจากนี้ยังขยายผลติดตามไปจับกุม น.ส.นัชชา ที่เปิดบริการอยู่อีกสาขาในซอยสุขุมวิท 71.

20 เมษายน 2550

 

สั่งเชือด บ.ถุงยางเล่นแผลง ชวนผู้ชายติดสติกเกอร์ที่หน้าอก-ใกล้อวัยวะเพศสาวพริตตี้


โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 เมษายน 2550 16:30 น.





“ไพบูลย์” ผงะแทงกิ้วปาร์ตี้ บ.ถุงยางเล่นแผลงๆ ชวนผู้ชายติดสติกเกอร์ที่หน้าอก ใกล้อวัยวะเพศสาวพริตตี้ เตรียมฟันแจ้งดำเนินคดีลามกอนาจาร พร้อมแฉการ์ตูนโป๊หนีขึ้นเน็ต เด็กไทยหมกหมุ่น ตั้งก๊วนแปล โหลดแลกกันดูโจ๋งครึ่มวันละเป็นหมื่น ส่วนนิตยสาร 7 ใน 10 ขายภาพหวิวเปิดบน-เปิดล่าง ชง ครม.เพิ่มโทษ-ขึ้นภาษีสื่อไม่เหมาะสม ตั้งอนุกรรมการ 5 ชุดลุยเช็กบิล แฉอีกชาวบ้านแจ้งโทร.แจ้งเว็บไม่เหมาะสมกว่า 5,000 เว็บ ชงไอซีทีสั่งปิดด่วน

วันนี้ (19 เมษายน) นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการสื่อปลอดภัยฯ ครั้งที่ 2 ซึ่งมีผู้แทนจากหลายหน่วยงานเข้าร่วม อาทิ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นายไพบูลย์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ภายหลังจากมีการตรวจพบการ์ตูนลามกลักลอบขายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ผ่านมา ได้มีการตรวจสอบติดตามเพิ่มเติมพบว่า ขณะนี้การ์ตูนลามกได้หนีจากแผงหนังสือขึ้นไปอยู่บนอินเทอร์เน็ต มีเว็บไซด์การ์ตูนโป๊ออนไลน์ให้เด็กๆ มาแลกเปลี่ยนภาพโป๊การร่วมเพศอย่างไม่ปิดบังมากกว่า 250 เว็บ มีทั้งภาพขาวดำ ภาพสี ภาพเคลื่อนไหว โดยเด็กๆ จะนำมาจากการ์ตูนต่างประเทศมาแปลเอง จัดหน้าเอง มีเด็กเข้าไปดูวันละเป็นหมื่นคน เพราะดูได้จากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องเสียเงิน เสียเวลาไปหาซื้อการ์ตูนโป๊ตามแผงหนังสือ

นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า เด็กกลุ่มหนึ่งจึงมีโลกที่หมกหมุ่นกับการ์ตูนโป๊จนกลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่สร้างความเข้าใจผิดเรื่องเพศ เพราะการ์ตูนจะเข้าถึงและกระตุ้นเด็กๆ ได้ง่าย และเป็นอันตรายต่อเด็ก ขณะที่ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา สื่อสิ่งพิมพ์อย่างนิตยสารแฟชั่น บันเทิง มักเสนอภาพยั่วยุกามรมณ์ หน้าปกหนังสือ 7 ใน 10 เล่ม ต้องมีภาพชาย หญิงนุ่งน้อยห่มน้อย หรือแทบไม่มีอะไรปิดบังร่างกาย เด็กเยาวชนพบสื่อเหล่านี้ได้ในบ้านของตัวเอง เพราะพ่อแม่และญาติซื้อเอาไว้ อาจโดยไม่ตั้งใจ แต่ก็ทำให้ถึงมือเด็กได้ง่าย

ส่วนสื่อกิจกรรม (event media) เพื่อขายสินค้าก็ใช้ความอนาจาร โป๊ เปลือย มาเป็นจุดล่อให้คนสนใจ อย่างบริษัทถุงยางอนามัยแห่งหนึ่ง จัดงานให้ผู้ร่วมงานติดสติ้กเกอร์บนร่างกายของพริตตี้สาวในงาน โดยแย่งกันติดบริเวณหน้าอก และใกล้อวัยวะเพศ

“ผมว่าเราต้องมาตั้งคำถามกันแล้วว่า จะปล่อยให้สังคมเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ให้ผู้ใหญ่ใช้ความลามก อนาจาร มาเป็นเครื่องทำกำไร มอมเมาเด็กต่อไป หรือจะร่วมกันแก้ไข สังคมต้องมีกลไกดูแลสื่อไม่เหมาะสม เบื้องต้นจะส่งรายชื่อให้ปิดเว็บเหล่านี้ และส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการทางกฎหมาย แต่สิ่งที่ผมคาดหวังคือผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตรายใหญ่จะควบคุมกันเอง ไม่ให้ผู้ที่กระทำผิดเช่าสัญญาณอินเทอร์เน็ต ส่วนกิจกรรมประชาสัมพันธ์ที่ผิดศีลธรรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง สคบ. ต้องมาดูแล ซึ่งน่ายินดีว่าภาคประชาชนก็ร่วมเป็นหูเป็นตา ร้องเรียนเรื่องสื่อไม่เหมาะสมมาที่ศูนย์ปฏิบัติการสื่อสร้างสรรค์ วันละไม่ต่ำกว่า 35 เรื่อง แต่ละเรื่องก็ประสานจัดการไปยังผู้เกี่ยวข้อง การที่ทำอย่างนี้ ไม่ใช่จะทำตัวเป็นคุณครู ที่คอยจับผิด แต่ผมเชื่อว่าพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ส่วนใหญ่คิดเหมือนกันว่า สิ่งที่ทำกันทุกวันนี้ เกินขอบเขตที่จะรับได้”นายไพบูลย์ กล่าว

นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของบริการ 1900 คณะกรรมการของทีโอที กำลังพิจารณาปิด เบอร์ของผู้ให้บริการ 2 เจ้า ทั้งนี้คณะกรรมการสื่อปลอดภัยฯ สรุปร่วมกันว่าควรมีมาตรการเพิ่มโทษ และมีมาตรการทางภาษีสื่อเสี่ยง โดยผู้กระทำผิดเกี่ยวกับสื่อลามกมีบทลงโทษเพียงปรับ 6,000 บาท และจำคุก 3 ปี แต่มักมีผลตัดสินรอลงอาญา ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับผลประโยชน์มหาศาลในการทำสื่อลามก และผลเสียต่อสังคมวัฒนธรรม จึงต้องมีการเพิ่มโทษให้รุนแรง และควรออกมาตรการทางภาษีกับสื่อทั้งระบบที่เข้าข่ายเสี่ยงกับเยาวชน เพื่อลดแรงจูงใจในการทำสื่อเสี่ยงต่างๆ และนำเงินภาษีที่เก็บได้มาดำเนินการขจัดสื่อร้าย ขยายสื่อดี สร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชน โดยจะเสนอ ครม. เพื่อดำเนินการต่อไป

นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการสื่อปลอดภัยฯ ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีก 5 ชุด ได้แก่ 1.คณะอนุกรรมการขจัดสื่อร้าย มีรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติงานสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมเป็นประธาน 2.คณะอนุกรรมการขยายสื่อดี มีดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ เป็นประธาน 3.คณะอนุกรรมการสร้างภูมิคุ้มกัน มี ดร.จรวยพร ธรณินทร์ เป็นประธาน 4.คณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมาย มีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานและ5.คณะอนุกรรมการศูนย์ปฏิบัติสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ นางสุวรรณี คำมั่นเป็นประธาน โดยอนุกรรมการแต่ละชุด สามารถดำเนินในส่วนที่ได้รับมอบหมายและดำเนินการได้ทันที

ด้าน นางสาวลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า มีเว็บไซต์ที่มีผู้โทรศัพท์แจ้งร้องเรียนขณะนี้รวมแล้วกว่า 5,000 เว็บไซต์ มีการประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อกว่า 2,000 เว็บไซต์ ที่หน้าตกใจคือในจำนวนเว็บไซต์ที่มีการแจ้งเข้ามาพบมีเว็บอาบอบนวดที่เดี๋ยวนี้มีการสั่งมาให้บริการจากทางอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งการสกัดกั้นเว็บไซต์เหล่านี้ได้มีการหารือกับทางกูเกิล ร่วมกันหามาตรการป้องกันเยาวชน เช่น เมื่อค้นหาคำว่า เซ็กซ์ เว็บไซต์ที่แสดงเป็นอันดับต้นๆ จะต้องเป็นเว็บที่ให้ความรู้กับเยาวชน

“นอกจากเว็บไซต์ ละครทีวีหลังข่าว ที่มีการจัดเรตติ้งแต่จำนวนรายการชิกรักหักสวาทก็ยังไม่ลดลง ภาพยนตร์ที่ฉายในโรงก็คงมีแต่การใช้ถ้อยคำหยาบคาย พฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น มีการใช้เท้าลูบหน้า เป็นต้น รวมถึงแมกกาซีนทั้งหัวในหัวนอกยังเลี่ยงกฎหมายปิดนม ปิดอวัยวะเพศก็ยังอยู่บนแผงหนังสือได้ ส่วนของงานแทงกิ้วปาร์ตี้ของบริษัทต่างๆ ที่ส่อไปทางลามกอนาจารแม้เป็นการกระทำในที่ลับแต่มีการเผยแพร่ภาพได้มีการส่งเรื่องให้ทางตำรวจดำเนินการในข้อหาอนาจารทั้งเจ้าของบริษัทและบริษัทที่รับจัดงานแล้ว ซึ่งการปิด หรือกวาดจับอย่างเดียวคงไม่พอแต่พลังประชาสังคม จะต้องร่วมด้วยจึงจะสำเร็จ” นางสาวลัดดากล่าว

ด้านคุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรมจะสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ เพราะเรื่องนี้คือภัยร้ายที่อยู่ใกล้ตัวเด็กและเยาวชน โดยคณะกรรมการสื่อปลอดภัยฯ ได้มีมติให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ขึ้นที่กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อสนับสนุนนโยบายและมาตรการ พัฒนาความร่วมมือในการขจัดสื่อร้าย ขยายสื่อดี สร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชน การขจัดสื่อร้ายนั้น ได้เปิดให้ประชาชนร้องเรียน แจ้งเบาะแส หากพบสื่อที่ไม่เหมาะสม ได้ที่หมายเลข 1111 โดยศูนย์จะทำหน้าที่ติดตามส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) หากไม่มีการจัดการ จะส่งเรื่องไปถึงเจ้ากระทรวงหรือหัวหน้าหน่วยงานทันที เพื่อให้มีการดำเนินการกับผู้ประกอบการที่ไม่รับผิดชอบต่อสังคม

 

จับหนุ่มตกงานแชทลวงสาว


ตำรวจ สน.บางเขน จับผู้ต้องหา ใช้สื่ออินเตอร์เน็ทลวงเหยื่อหญิงสาว พบทำมาแล้วหลายครั้ง ได้เงินกว่า 1.4 ล้าน รถยนต์ 1 คัน และบางรายถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์ สุดท้ายถูกรวบตัว ขณะนัดพบเหยื่อรายล่าสุด


เมื่อเวลา 13.00 วันนี้ (19 เม.ย.) ที่ สน.บางเขน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 พ.ต.อ.สุรศักดิ์ ศานุจารย์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.สมชาย อินโต รอง ผบก.น.2 พ.ต.ท.ภิญโญ ป้อมสถิตย์ สว.สส.สน.บางเขน ร.ต.อ.ประวิทย์ วงษ์เกษม รอง สว.สส สน.บางเขน แถลงข่าวจับกุมนายวุฒิรัตน์ หรือไอซ์ ลิ่มสอน อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/2 ม.7 ต.นพรัตน์ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญารัชดา เลขที่ 3238/2549 ลงวันที่ 21 ส.ค.49 โดยจับุมได้ที่บริเวณกลางซอยหมาดไทย (ลาดพร้าว 122 ) ถนนลาดพร้าว แขวงและเขตวังทองหลาง กทม.

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากได้มี น.ส.อ๋อย (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย เข้าแจ้งความว่าถูกนายวุฒิรัตน์ ขโมยโทรศัพท์มือถือของตนไป โดยก่อนเกิดเหตุ ตนได้รู้จักกับนายวุฒิรัตน์ ทางโปรแกรมเอ็มเอสเอ็น โดยนายวุฒิรัตน์ใช้อีเมล์ I_AM_SCB_CITY@hotmail.com หรือ I_AM_CITY_SCB@hotmail.com เข้ามาคุยกับตน ต่อมาช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ ตนได้พบกับนายวุฒิรัตน์โดยบังเอิญ ขณะไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านรังสิต พร้อมกับเข้ามาตีสนิทกับตน โดยมีการมอบนามบัตรระบุว่าเป็นพนักงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์หลักทรัพย์และแนะนำการซื้อขาย ขอธนาคารไทยพาณิชย์ ให้กับตนเอาไว้

น.ส.อ๋อย ให้การต่อว่า หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้น นายวุฒิรัตน์ ได้นัดตนออกไปกินข้าวที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว พร้อมทั้งพยายามชักชวนตนไปที่ห้องพัก ภายในซอยมหาดไทย แต่ตนปฏิเสธไม่ยอมไป จึงเปลี่ยนมานั่งกินโจ๊กที่ตลาดรามอินทรา กม.2 แทน โดยขณะกำลังที่นั่งกินอยู่นั้น นายวุฒิรัตน์ก็ทำทีขอยืมโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อโนเกีย รุ่น 6270 ของตน แล้วพยายามหลอกล่อให้ตนออกไปซื้อของให้ จากนั้นนายวุฒิรัตน์ก็เดินถือโทรศัพท์มือถือของตนเดินหายไปเลย ตนจึงเดินทางมาแจ้งความที่ สน.บางเขน

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของ สน.บางเขน ได้นำนามบัตรของนายวุฒิรัตน์ มาตรวจสอบชื่อ-นามสกุล ก็พบว่าเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับในคดีอื่นของ สน.บางเขนอยู่ ในวันนี้เวลา 09.00 น.จึงติดตามจับกุมตัวนายวุฒิรัตน์ได้ที่บริเวณกลางซอยหมาดไทย (ลาดพร้าว 122 ) ถนนลาดพร้าว แขวงและเขตวังทองหลาง กทม.ขณะที่ผู้ต้องหากำลังล่อลวงเหยื่ออีกรายมาพบในซอยดังกล่าว จากนั้นจึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่สน.บางเขน

จากการสอบสวนนายวุฒิรัตน์ ให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุจริงโดยจะลวงเหยื่อที่รู้จักกันทางอินเตอร์เน็ท ที่ตนเข้าไปหาอีเมล์ในเว็บไซต์ www.mthai.com จากนั้นจะนำอีเมล์ที่ได้มาแอดเข้าไปคุยกันในโปรแกรมเอ็มเอสเอ็น เมื่อพูดคุยกับเหยื่อจนถูกคอก็ชักชวนกันไปเที่ยว โดยจะนัดพบกันตามร้านอาหาร ซึ่งเมื่อเจอหันครั้งแรกก็จะอ้างตัวว่า เป็นลูกชายของเจ้าของโรงพยาบาล และทำงานเป็นพนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ พร้อมทั้งทำนามบัตรปลอมในตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์หลักทรัพย์และแนะนำการซื้อขาย ไว้หลอกเหยื่อเพื่อให้ตายใจ

นายวุฒิรัตน์ ให้การต่อว่า เมื่อเจอกับเหยื่อครั้งแรก ก็จะทำตัวเป็นคนมีฐานะดี คอยออกค่าใช้จ่ายต่างๆให้ จนเหยื่อหลงเชื่อ บางรายถึงขั้นยอมมีความสัมพันธ์ทางเพศด้วยกัน ต่อมาก็จะอ้างว่า ตนมีปัญหาทางการเงิน หมุนเงินไม่ทัน จะขอยืมเงินจากเหยื่อโดยให้โอนเงินเข้าบัญชีของธนาคารไทยพาณิชย์ที่ตนเปิดบัญชีไว้ หากผู้เสียหายไม่มีเงินสด ก็จะขอยืมทรัพย์สินไปจำนำ หรือบางครั้งก็จะขโมยทรัพย์สินของเหยื่อไปขายหรือจำนำ ก่อนจะนำเงินที่ได้ไปเที่ยวเตร่ตามผับ โดยในแต่ละคืนจะใช้เงินประมาณ 2,000-3,000 บาท

นายวุฒิรัตน์ ให้การต่อว่า ก่อนหน้านี้เคยศึกษาอยู่ระดับ ปวช.ปี 1 ที่สถานบันการศึกษาแห่งหนึ่งย่านบางเขน แต่เรียนไม่จบ ไม่มีงานทำ จึงหันมาใช้วิธีดังกล่าวหาเงินใช้ โดยตนเคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 คดี ในท้องที่ต่าง ๆ ได้ทรัพย์สินมาประมาณ 2 ล้านบาท แต่จำไม่ได้ว่าผู้เสียหายมีใครบ้าง เพราะจะตระเวนก่อเหตุไปเรื่อย บางครั้งก็จะหลอกทีละ 2-3 รายพร้อมๆ กัน โดยเท่าที่จำได้มีอยู่ 4 ราย รายแรกประมาณเดือน พ.ย.49 หลอก น.ส.วิลาวรรณ (นามสมมติ) ได้เงินสดไปประมาณ 1.4 ล้านบาท และรถยนต์อีก 1 คัน เหตุเกิดท้องที่ จ.อยุธยา และ สน.บางเขน ต่อเนื่องกัน

รายที่สองเมื่อเดือน ธ.ค.49 หลอก น.ส.ศศิธร (นามสมมติ) พนักงานขายโทรศัพท์ของบริษัทแห่งหนึ่ง โดยให้เอาโทรศัพท์มาให้ 20 เครื่อง รวมมูลค่าประมาณ 200,000 บาท จากนั้นตนก็เอาไปขายต่อ เหตุเกิดท้องที่ สภ.ต.พัทยา และ สน.ลาดพร้าว เกี่ยวเนื่องกัน รายที่ 3 เดือน ก.พ.50 ได้ลักเอาเงินสดของ น.ส.ปุ๊ก (นามสมมติ) ประมาณ 25,000 บาท หลบหนีไป เหตุเกิดท้องที่ สน.บางเขน และรายล่าสุดเมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2550 ได้หลอกลวง น.ส.นุช (นามสมมติ) ให้โอนเงินประมาณ 70,000 บาทมาให้ เหตุเกิดท้องที่ สน.บางเขน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์ และพยายามกรรโชกทรัพย์ ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

19 เมษายน 2550

 

โจ๋ฮิตเกมลักหลับ สุดอุบาทว์ แพร่ร้านเน็ตคาเฟ่


เมื่อวันที่ 18 เม.ย.มีรายงานว่าขณะนี้มีเกมคอมพิวเตอร์ลามกของประเทศญี่ปุ่นระบาดในกลุ่มวัยรุ่นไทย ใช้ชื่อว่า “เกมลักหลับ” เกมดังกล่าวจะมีตัวการ์ตูนเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาคิกขุเป็นตัวเดินเรื่อง โดยเด็กผู้หญิงหรือน้องการ์ตูนในเกมจะสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นนอนหลับอยู่บนเตียง เปิดโอกาสให้ผู้เล่นใช้เม้าส์คอมพิวเตอร์แทนมือลูบไล้ เคล้าคลึงไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย กระทั่งถลกชุดนอน ถอดกางเกงชั้นใน ไปจนสามารถร่วมเพศกับน้องการ์ตูนในเกม แต่มีข้อแม้ว่าขณะที่กำลังลักหลับ ห้ามทำให้น้องการ์ตูนตื่น เพราะหากถูกจับได้เกมจะจบในทันที ขณะผู้เล่นใช้เม้าส์เป็นเครื่องมือแทนตัวเองในการร่วมเพศ น้องการ์ตูนในเกมจะแสดงออกด้วยสีหน้าและเสียงร้องว่ามีความสุขมากน้อยเพียงใด ขณะที่ผู้เล่นยังสามารถเลือกท่าทางต่างๆได้ตามต้องการ ทั้งนี้ ผู้เล่นจะได้คะแนนจากการลักหลับหรือร่วมเพศกับเด็กผู้หญิงในเกม ถ้าหากทำได้แนบเนียนดีจะได้คะแนนมากผ่านไปเล่นในด่านต่อๆไปได้

สำหรับเกมตัวอย่างจะมีคำอธิบายการเล่นอย่างละเอียด เป็นไปตามลำดับขั้นตอน โดยเริ่มจากคลึงหน้าอก ลูบไล้ของสงวน รุกล้ำต่อไปเรื่อยๆ จนเห็นน้องการ์ตูนมีปฏิกิริยาตอบสนอง ก็ให้ผู้เล่นเปิดศึกลงมืออย่างจริงจัง ในเกมลามกนี้ยังให้ผู้เล่นสามารถเลือกที่จะสำเร็จกิจภายในหรือภายนอกน้องการ์ตูนก็ได้

เกมดังกล่าวกำลังเริ่มเป็นที่นิยมของเหล่าวัยรุ่นที่ชื่นชอบหรือใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมในการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเล่นที่บ้านหรือว่าร้านอินเตอร์เน็ต เพราะสามารถดาวน์โหลดเกมตัวอย่างมาเล่นได้ฟรี และยังสามารถออนไลน์เล่นกันในกลุ่มเพื่อนได้ด้วย ผู้เล่นคนไหนอยากเล่นเวอร์ชั่นสมบูรณ์ก็สามารถสั่งซื้อและดาวน์โหลดได้ทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งเกมเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์จะมีวิธีการเล่นและเนื้อเรื่องที่หลากหลายมากกว่าเกมตัวอย่างที่ผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบ กำลังแพร่หลายตามคาเฟ่อินเตอร์เน็ตทั่วไป

ด้านนายวินัย อยู่สบาย หัวหน้ากลุ่มตรวจสอบการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า เมื่อหลายปีที่ผ่านมาเคยมีเว็บไซต์อย่างนี้เข้ามา เป็นเกมลักษณะคล้ายๆกันประมาณ 10 เกม เมื่อทางหน่วยงานตรวจสอบพบก็ทำการบล็อกไว้ทั้งหมด สำหรับเกมลักหลับ ยังไม่เห็นว่าหน้าตาเกมเป็นอย่างไร ต้องรอตรวจสอบดูก่อนว่าเข้าข่ายลักษณะไหนบ้าง ประเทศญี่ปุ่นมีเว็บไซต์การ์ตูนและเกมลามกเยอะแยะไปหมด กระทรวงไอซีทีต้องมาไล่ปิด แต่มีปัญหามากเพราะพวกนี้แค่เปลี่ยนชื่อก็เปิดเว็บไซต์ต่อได้แล้ว

นายวินัยกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมากระทรวงไอซีที ขอความร่วมมือจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตหลายรายให้ตรวจสอบและบล็อกเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมกับเยาวชน ความมั่นคงของชาติ รวมทั้งที่หมิ่นเบื้องสูง ถึงแม้จะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุก็ต้องทำ ไม่เช่นนั้นจะมีเยอะกว่านี้ สำหรับวิธีป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าไปหมกมุ่นมี 2 วิธี อย่างแรกคือกระทรวงไอซีทีเป็นผู้ตรวจสอบและทำการปิด ถ้าเป็นในประเทศเราปิดได้ไม่มีปัญหา แต่หากเป็นของต่างประเทศต้องใช้วิธีบล็อก อีกวิธีคือพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กต้องอธิบายให้ลูกหลานเข้าใจ เกี่ยวกับการ์ตูนหรือเกมลามกเหล่านี้ แต่จะมีปัญหาเพราะเด็กๆเหล่านี้อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น

ขณะที่ พ.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม ผกก.1 บก.ปดส. กล่าวว่าได้ข่าวเกี่ยวกับเกมอุบาทว์นี้เช่นกัน อยู่ระหว่างตรวจสอบหาเบาะแสข้อมูล ซึ่งหากผู้ปกครองทราบว่าบุตรหลานเข้าไปเล่นเกมออนไลน์นี้ ขอให้แจ้งข้อมูลมาทาง บก.ปดส. เราจะดำเนินการทันที ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ บก.ปดส. เฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา อย่างไร ก็ตาม ขอฝากเตือนถึงผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในช่วง วัยรุ่นว่า ควรสอดส่องการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ของลูกหลาน เพราะคอมพิวเตอร์มีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย ควรเฝ้าระวังให้ใกล้ชิด

03 เมษายน 2550

 

เด็ก ม.ต้นคลั่งเกมหนัก ห่วงปิดเทอมเด็กเล่นเกมงอมแงม


โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2550 15:22 น.

ห่วงปิดเทอมเด็กติดเกมหนัก เด็กมัธยมต้นคลั่งสุด แถมอายุลดต่ำลงเรื่อยๆ ระบุมีเด็กติดเกม 1 ใน 5 คน แนะตัดไฟแต่ต้นลมสังเกตพฤติกรรม อย่ารอให้เด็กติดงอมแงม ขณะที่ “กรมสุขภาพจิต” แจก “คู่มือพ่อแม่ดูแลลูกยุคไซเบอร์” สกัด 2,000 ชุดฟรี ระบุแนะ 10 ข้อปฏิบัติป้องกันแก้ปัญหาเด็กติดเกม–อินเทอร์เน็ต ชี้ได้ผล 80-90% ลูกเล่นเกมน้อยลง ความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้น

วันนี้ (3 เม.ย.) นพ.หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ปัญหาเด็กติดเกมและอินเทอร์เน็ตทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2547 จึงให้สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์จัดตั้งศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กติดเกม และอินเทอร์เน็ตขึ้น เพื่อพัฒนางานด้านวิชาการในรูปแบบการอบรมหลักสูตรต่างๆ ตลอดจนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา ซึ่งล่าสุดมีการพัฒนาเพทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ด้วยตัวเองสำหรับพ่อแม่ในรูปแบบของวีซีดี ความยาว 30 นาที พร้อมคู่มือพ่อแม่ดูแลลูกยุคไซเบอร์ ที่บรรจุเนื้อหาวิธีการปฏิบัติของพ่อแม่อย่างง่ายๆ แต่ได้ผล 10 วิธี ได้แก่

1.การสร้างวินัยและความรับผิดชอบตั้งแต่ยังเล็ก 2.ลดโอกาสการเข้าถึงคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต 3.ใช้มาตรการทางการเงิน 4.ฟังและพูดดีต่อกัน 5.จับถูกชื่นชม ให้กำลังใจ 6.ร่วมตกลงกติกาอย่างเป็นรูปธรรมและบังคับใช้อย่างหนักแน่นแต่อ่อนโยน 7. มีทางออกให้สร้างสรรค์ให้เด็ก 8.สร้างรอยยิ้มเล็กๆ ในครอบครัว 9.ควบคุมอารมณ์และสร้างความสุขเล็ก ในใจของพ่อแม่เอง และ 10.เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราทันที

“ยิ่งในช่วงปิดเทอม เป็นช่วงที่เด็กจะใช้เวลาอยู่กับเกมคอมพิวเตอร์มากที่สุด ดังนั้น หากพ่อแม่ผู้ปกครองมีปัญหาลูกติดเกมสามารถที่จะนำข้อปฏิบัติ 10 ข้อนี้ไปใช้ ซึ่งพบว่าพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนเมื่อนำไปปฏิบัติจริงแล้วจะช่วยให้ลูกเลิกเล่นเกมลดลง บางคนลูกสามารถควบคุมการเล่นเกมได้ มีความรับผิดชอบ ไม่ก้าวร้าว การพูดจา ความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้น” นพ.หม่อมหลวงสมชาย กล่าว

ด้าน นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า นอกจากนี้ได้ร่วมกับสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์พัฒนาเครื่องมือคัดกรองเด็กติดเกมอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ โดยพัฒนาเป็นแบบคัดกรองง่ายๆ 16 ข้อ มีทั้งฉบับพ่อแม่ประเมินพฤติกรรมลูกของตนเองว่าคลั่งไคล้หรือติดเกมหรือไม่ และฉบับเด็กและเยาวชน เพื่อใช้ประเมินว่าตนเองคลั่งไคล้หรือติดเกมอยู่ในระดับไหน หมกหมุ่นมากน้อยหรือไม่ เยงใด เล่นเกมจนเสียการควบคุมตนเองกระทบต่อหน้าที่ความรับผิดชอบ การอยู่ร่วมกันในครอบครัว

นพ.ชาญวิทย์ กล่าวต่อว่า เมื่อปีที่ผ่านมาได้มีการทำแบบคัดกรองสำรวจผู้ปกครองจำนวน 1,600 รายทั่วประเทศและเด็กตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จนถึงมหาวิทยาลัย 1,400 คนทั่วประเทศ พบว่าเด็กในกลุ่มที่มีความคลั่งไคล้เล่นเกมวันละ 2-3 ชั่วโมง แบ่งเป็นชาย 11.2% เด็กหญิง 9.2% ส่วนกลุ่มที่มีเด็กติดมาก เล่นเกมวันละไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง แบ่งเป็นชาย 3.8% เด็กหญิง 4.3% ซึ่งรวมแล้วจะมีเด็กกลุ่มที่มีปัญหาติดเกมประมาณ 15% ดังนั้นในจำนวนเด็ก 5 คน จะมีเด็กที่ติดเกม 1 คน ซึ่งในจำนวนนี้พบว่าเป็นเด็กในช่วงมัธยมต้นมากที่สุด ส่วนเด็กที่เริ่มติดเกมจะอยู่ที่ช่วงประถมศึกษาปีที่ 4-5 ซึ่งเมื่อมีการคัดกรองเด็กเรียบร้อยแล้วก็จะมีการเริ่มต้นไปสู่การเยียวยาแก้ปัญหา เช่น การอบรมผู้ปกครอง นำเด็กไปเข้าค่ายร่วมกัน เป็นต้น

“ติดเกมก็เหมือนติดยาเสพติด หากเริ่มซื้อเกมบอยให้เด็กก็เหมือนชักชวนให้เด็กสูบบุหรี่ เกมเพลสเตชันก็เหมือนกัญชา เกมคอมพิวเตอร์ก็เหมือนติดยาบ้า หากพัฒนาไปเป็นเกมออนไลน์ก็เหมือนติดเฮโรฮีน ยิ่งปล่อยไว้นานยิ่งแก้ยาก ดังนั้น ควรจะรีบแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นหากเห็นว่าเด็กเริ่มเล่นเกมนานมากขึ้น ไม่ต้องถึง 2 ชั่วโมงต่อวันก็ควรเข้าไปดูแลลูกได้เลย”นพ.ชาญวิทย์ กล่าว

นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การนำ 10 ข้อปฏิบัติมาใช้ถือเป็นการปลูกฝังวินัยให้กับเด็ก หากจะเล่มเกมเพื่อให้เกิดความเพลิดเพลินนั้นสามารถทำได้ แต่จะต้องมีการควบคุม คือ เล่นเกมได้แต่ต้องคุมตัวเองได้ไม่ให้ไปกระทบการเรียน หรือการทำงาน โดยเริ่มต้นที่ตัวของพ่อแม่เอง โดนจะต้องมีวินัย ฝึกฝนการควบคุมตนเอง ควบคุมอารมณ์ ไม่ให้ลูกเข้าถึงคอมพิวเตอร์ได้ง่าย อาจจำกัดคอมพิวเตอร์หากมีลูก 2 คน ก็มีคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว เด็กจะมีการแบ่งปันกันตามธรรมชาติ และมีปัญหาน้อยกว่า ส่วนการป้องกันเด็กใช้อินเทอร์เน็ตนอกบ้านก็ควรมีการจำกัดเงินค่าขนมไม่ให้มากจนเกินไปเมื่อเด็กมีเงินมากก็นำเงินไปเล่นเกมได้มาก ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ พบว่าหากพ่อแม่พูดจาดี หลายครอบครัวลูกเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและยอมให้ความร่วมมือ ในกติกาที่ตกลงกันในครอบครัว และเมื่อลูกทำดีก็รู้จักชมเชยให้กำลังใจด้วย

“พ่อแม่ต้องมีกิจกรรมทางเลือกอื่นๆ ให้แก่เด็ก โดยเฉพาะเรื่องที่สร้างความภาคภูมิใจ เช่น กีฬา ศิลปะ ดนตรี เพราะเด็กที่เล่นเกมต้องการที่ชนะได้รับเสียงปรบมือและความภาคภูมิใจเมื่อชนะได้ ขณะที่บางครอบครัวเด็กติดเกมเพราะพ่อแม่ทะเลาะกัน เด็กจึงหลีกหนีไปอยู่ในโลกเล็กๆ ที่มีความสุขกับเกม ดังนั้น หากต้องการให้ลูกเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม พ่อแม่ก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้ คุมอารมณ์ตนเองให้ได้ด้วยเช่นกัน” นพ.บัณฑิต กล่าว

นางจินตนา เจริญสุข ตัวแทนผู้ปกครอง ซึ่งได้เข้าร่วมโครงการฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวเหมือนมีสงครามในบ้าน ชีวิตเริ่มไม่มีความสุข ปิดเทอมแต่ละครั้งเหมือนตกนรก เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับลูกดี ซึ่งตั้งแต่ ป.1 ก็ซื้อคอมพิวเตอร์มาให้ลูกเพราะเห็นว่าโรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์ และมีความจำเป็น จนลูกวัยชายติดเกมมากขึ้น พอบอกเตือนลูกก็ไม่ฟัง ยิ่งช่วง ป.4-ป.5 ยิ่งเล่มเกมอย่างหนักทำให้เกรดเฉลี่ยที่เคยอยู่ที่ 3 ตกลงเหลือ 1 จึงส่งลูกเรียนกวดวิชา แต่ก็ไม่ดีขึ้น เพิ่งมารู้ว่า ที่โรงเรียนลูกเรียนไม่รู้เรื่องเพราะวันทั้งวันเห็นแต่ภาพเกม มองกระดาษดำก็เป็นเห็นเป็นสีเลือดไปหมด คิดแต่จะทำอย่างไรให้ชนะเกมได้ ควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ในที่สุดก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้เพราะได้เข้ามาอบรม และร่วมกิจกรรมค่าย กับทางสถาบันฯ และได้รับกำลังใจจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งหลังจากที่ได้เข้า ก็ไม่ได้ตั้งเป้าว่าลูกจะต้องเลิกเล่นเกมแต่ขอให้มีการพูดคุยกับลูกได้มากขึ้น ซึ่งลูกดีขึ้นมาก มีความเปลี่ยนแปลง เราได้เปิดอกคุยกันอย่างเต็มที่ และทำข้อตกลงร่วมกัน เพื่อเป็นแนวทางการป้องกันและไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก

นพ.บัณฑิต เสริมว่า ขณะนี้มีการเปิดค่ายบำบัดเด็กติดเกมในช่วงปิดเทอมให้กับเด็กที่มีปัญหากว่า 1,000 คนแล้ว ซึ่งจากการติดตามผลพบว่า 80% พฤติกรรมเด็กดีขึ้น รวมทั้งมีการอบรมพ่อแม่ไปแล้ว 4 รุ่น รุ่นละ 80-100 คน ทำให้บางครอบครัวเด็กเล่นลดลงหรือไม่เล่นเลย ครอบครัวมีความสุขและสบายใจขึ้น

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถขอรับคู่มือพ่อแม่ดูแลลูกยุคไซเบอร์ ซึ่งมีจำนวนจำกัด 2,000 ชุดได้ฟรี ที่สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ในวันและเวลาราชการ หรือเขียนจดหมายจ่าหน้าซองถึงตัวเอง พร้อมติดแสตมป์ 9 บาทบนซองขนาดเอ 4 ใส่ซองมาที่ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ เลขที่ 75/1 ถ.พระราม 6 เขตราชเทวี กทม.10400 หรือสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2354-8305-7 ระหว่างวันที่ 3-12 เมษายนนี้ และดูรายละเอียดได้ที่ www.icamtalk.com

ความคืบหน้าล่าสุด นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า วันนี้ (3 เม.ย.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.จราจรทางบก กำหนดห้ามผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารใด ในขณะที่รถเคลื่อนที่ หลังจากการหารือแล้วเห็นว่า พ.ร.บ.จราจร ซึ่งเสนอโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือและเครื่องมือสื่อสารขณะขับรถ ยังขาดสถิติอุบัติเหตุที่เกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ จึงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้กลับไปเพิ่มเติมข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งปรับเปลี่ยนถ้อยคำในร่าง พ.ร.บ.นี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แล้วนำกลับมาเสนอใหม่อีกครั้ง โดยร่าง พ.ร.บ.ที่นำเสนอวันนี้ มีผู้ชี้แจง 3 คน ซึ่งเป็นคนละชุดกับที่เคยชี้แจงกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในความเห็นส่วนตัว ตนคิดว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้มีประโยชน์ เพราะโทษที่เกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถมีมาก โดยในบางรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกาก็ห้ามใช้แล้ว

 

ผวาภัยใหม่!หนุ่มผู้ดีโชว์ฆ่าตัวตายผ่านเว็บแคม


เอเจนซี - เกิดเหตุน่าสลด หนุ่มผู้ดีผูกคอตายออกอากาศสดผ่านทางอินเตอร์เน็ต ขณะที่ผู้ที่เข้าไปยังห้องแชทรูมในช่วงเวลาดังกล่าว อาจถูกดำเนินคดีในข้อหายุยงส่งเสริมให้มีการฆ่าตัวตาย

สื่อมวลชนอังกฤษรายงานว่า เควิน วิทริค วัย 42 ปี ถูกกระตุ้นจากบรรดาผู้ใช้ทั้งหลายที่เข้าไปยังห้องสนทนาซึ่งในทีแรกคิดว่าเขาล้อเล่น ทว่า เควิน กลับลงมือปลิดชีพตัวเองจริงๆ จนกลายเป็นชาวอังกฤษคนแรกที่ฆ่าตายบนอินเตอร์เน็ต

มัลคอล์ม วิทริค น้องชายของ เควิน กล่าวว่าพี่ชายของเขาซึ่งมีลูก 2 คน ป่วยเป็นโรคร้ายแรงมาหลายปี และอาการของ เควิน ทรุดลงไปอีกหลังจากที่พ่อของเขาตายด้วยอุบัตเหตุทางรถยนต์

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนผู้ร่วมห้องสนทนาที่ล็อกออนเข้าไปยังห้อง"friendly insult" Paltalk.com ในช่วงเวลาที่ เควิน ฆ่าตัวตาย

ทั้งนี้ตำรวจระบุหากพบว่าผู้ที่เข้าไปยังห้องสนทนาดังกล่าวคนใดมีส่วนกระตุ้นให้ วิทริค ผูกคอตาย อาจจะมีความผิดฐานยุยงสงเสริมให้มีการฆ่าตัวตาย ซึ่งมีโทษจำคุก 14 ปี

02 เมษายน 2550

 

หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แห่คลิกเว็บ “แอบถ่าย”


โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 มีนาคม 2550 20:19 น.


นักวิชาการ ชี้ เด็ก-ผู้ใหญ่ ท่องอินเทอร์เน็ต นิยมเว็บ “แอบถ่าย” มากกว่าเว็บไซต์ “ลามก” จนดูเป็นเรื่องปกติไปแล้ว จับตาคณะกรรมการสื่อปลอดภัยฯ นำโดย “ไพบูลย์” รองนายกรัฐมนตรี เตรียมคลอดมาตรการปราบสื่อลามกเด็ดขาด พร้อมตั้งหน่วยงาน “เฝ้าระวังไซเบอร์”

นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานต์ คณะกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ แถลงข่าวถึงการดำเนินงานของคณะกรรมการสื่อฯ ว่า นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีความห่วงใยอย่างยิ่งเรื่องผลต่อพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนไทยในปัจจุบัน ซึ่งน่าเป็นห่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้พบว่า อัตราการตั้งครรภ์ของวัยรุ่นไทยสูงขึ้น จากการสำรวจเมื่อปี 2547 คือ 70 : 1,000 เป็น 90 : 1,000 ในปี 2550 และจัดเป็นอันดับที่ 5 ของเอเชีย ยิ่งไปกว่านั้น พบว่า เด็กและผู้ใหญ่นิยมเข้าเว็บแอบถ่าย หรือแอบดู มากกว่าเว็บไซต์ลามกปกติเป็นจำนวนมาก และจากการสำรวจจาก Search Engine พบว่า มีเว็บประเภทแอบถ่ายดังกล่าวกว่า 489,000 เว็บ ลิงก์เชื่อมหาต่อๆ กัน ส่วนใหญ่เป็นพฤติกรรมยั่วยุทางเพศ ไปถึงแสดงการมีเพศสัมพันธ์กัน ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องช่วยกันขจัดสื่อร้าย หันมาสร้างสื่อดีสำหรับเด็กและเยาวชน มีพื้นที่เรียนรู้สีขาวมากขึ้น

นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า คณะกรรมการสื่อฯ ได้มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เป็นศูนย์ประสานงานดูแลเรื่องสื่อสร้างสรรค์ คาดว่า ทางออกของปัญหาเรื่องเว็บโป๊ หนังเอ็กซ์ คุยซื้อบริการทางเพศผ่านหมายเลข 1900 จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการสื่อฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันพรุ่งนี้ (30 มี.ค.) โดยมั่นใจว่าจะมีมาตรการเด็ดขาดออกมาอย่างแน่นอน นอกจากนี้ มีการผลักดันให้เกิดกฎหมายด้านการปราบปราม 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.บ.ปราบปรามวัตถุยั่วยุพฤติกรรมอันตราย และร่าง พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ด้าน น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าวว่า คณะกรรมการสื่อฯ ให้ วธ.ตั้งหน่วยงานเฝ้าระวังไซเบอร์ คอยตรวจเนื้อหาเว็บโป๊ตลอด 24 ชั่วโมง และเปิดกว้างให้เครือข่ายพ่อแม่ผู้ปกครอง ประชาชน นักเรียน นักศึกษา เป็นอาสาสมัครช่วยกันเฝ้าระวัง แจ้งมาทางสายด่วน 1765 ซึ่งในส่วนการทำงานนั้นจะไม่ซ้ำซ้อนกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ที่คอยพัฒนาระบบ ส่วนหน่วยเฝ้าระวังไซเบอร์จะคอยตรวจสอบเนื้อหา ที่สำคัญ กระบวนการทำงานจะไม่ล่าช้า หากตรวจพบว่าเป็นเว็บไม่เหมาะสม ทางคณะกรรมการสื่อฯ สามารถทำรายงานเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรี สั่งปิดได้ทันที ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานว่า เว็บไซต์ชื่อดังมีคลิปวิดีโอสาวๆ เต้นยั่วในผับ คลิปแอบถ่ายมาแล้ว และตามแผงหนังสือทั่วไปได้มีการจำหน่ายหนังสือแนะนำเกี่ยวกับวิธีการแอบถ่าย ซึ่งจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมพรุ่งนี้ด้วย

นายอิทธิพล ปรีติประสงค์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยมหิดล หนึ่งในคณะกรรมการสื่อฯ กล่าวว่า สื่อประเภทลามกอนาจารและแอบถ่ายในต่างประเทศ ถือว่าทำผิดกฎหมาย มีบทลงโทษชัดเจน แต่ประเทศไทยมีเพียงกฎหมายอาญา มาตรา 287 ควบคุม และบทลงโทษน้อย ดังนั้น จะต้องมีการร่าง พ.ร.บ.ปราบปรามวัตถุยั่วยุพฤติกรรมอันตราย และร่าง พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เข้ามาเสริม เพื่อขจัดสื่อร้าย