19 กรกฎาคม 2549

 

แชตไลน์ อาชญากรไซเบอร์


16 กรกฎาคม 2549 กองบรรณาธิการ

ปี 2546-2549 มีคนหายทั้งหมด 624 คน เป็นชาย 241 คน หญิง 383 คน เฉพาะเดือนกรกฎาคมมีทั้งหมด 16 คน ชาย 2 คน และหญิง 14 คน


โดยมีเด็กหญิงชายและวัยรุ่นสามารถกลับบ้านสู่อ้อมอกพ่อแม่ได้เพียง 300 กว่าคนเท่านั้น

แม้สาเหตุของการถูกลักพาตัวอาจมาจากหลายสาเหตุ เด็กเล็กๆ อาจถูกจับไปขายต่อให้ครอบครัวที่อยากมีลูก แต่ทำไม่เป็นก็ต้องอาศัยเงินซื้อเอา เด็กบางคนถูกจับเข้าแก๊งขอทาน แต่ปรากฏการณ์ที่เริ่มรุนแรงมากขึ้น ก็คือการโดนล่อลวงด้วยอาวุธทันสมัยในโลกยุคใหม่ ซึ่งศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ระบุว่า ที่ผ่านมามีการแจ้งกรณีเด็กหาย เพราะถูกล่อลวงจากแชตไลน์ในระบบออดิโอเท็กซ์เข้ามาที่ศูนย์ข้อมูลคนหายฯ ถึง 12 ราย ทุกรายล้วนเป็นเด็กผู้หญิงอายุเฉลี่ยต่ำกว่า 15 ปีและนับวันมีมากขึ้น

หลายคนเสพติดการแชตผ่านเน็ต คุยกันทุกวัน หลายคนมีความหวังจะเจอรักแท้เหมือนใครบางคน แต่ไม่ได้โชคดีเหมือนกัน ไม่ถูกข่มขืนก็ถูกฆ่า

นั่นอาจเป็นผลพวงสำคัญของการก้าวสู่ยุคอินเทอร์เน็ตของไทยอย่างไร้ภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นที่มองคู่สนทนาอย่างใสซื่ออย่างไม่คาดคิดว่า อันตรายกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง และสุดท้ายต้องตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรูปแบบใหม่ที่อาศัยความเหงา ความตื่นเต้น จับจุดอารมณ์ความอยากรู้อยากเห็นเป็นตัวกระตุ้น

เริ่มจากโฆษณาบริการแชตไลน์ ภาพสาวสวยหนุ่มหล่อล่อใจที่พร้อมเปิดอกพูดคุยทุกเรื่อง เพียงน้องๆ โทรเข้ามา

เริ่มจากความเหงาและต้องการใครสักคนในช่วงสุญญากาศด้านอารมณ์ เด็กสาวโทรเข้ามาพูดคุยหรืออาจแชตผ่านเน็ต อาศัยลีลาการพูดเอาใจ เข้าใจเธอทุกเรื่อง ใช้วันเวลาอีกนิดแล้วนัดเจอกัน เหตุการณ์ต่อไปเป็นอย่างไร มีกี่คนที่โชคดีได้กลับมาอย่างปลอดภัย

คำตอบ คือ แทบไม่มีเลย

ความร้ายกาจของแชตไลน์และเอ็มเอสเอ็น ทำให้ศูนย์ข้อมูลคนหายฯ ต้องเปิดเว็บไซต์ www.backtohome.org เมื่อกลางปี 2546 เพื่อเป็นศูนย์ให้คำปรึกษาและคำแนะนำเกี่ยวกับการติดตามคนหายแห่งแรกและแห่งเดียวของไทย เพราะหวังพึ่งพิงหน่วยงานรัฐอย่างคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ก็ยังก้าวไม่เท่าทันโลกที่ไปไกลมากแล้ว ขณะที่บริษัทผู้ให้บริการก็เห็นเพียงแค่ผลประโยชน์เชิงธุรกิจเท่านั้น

นายวรเชษฐ์ เขียวจันทร์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลคนหายฯ ได้เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เพื่อยื่นคำร้อง 4 ข้อ ประกอบด้วย 1.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการตรวจสอบและติดตามว่า สัญญาต่างๆ ที่ได้รับอนุมัติไปแล้วนั้นมีการปฏิบัติตามสัญญาจริงหรือไม่ เพื่อมิให้มีการฝ่าฝืน

2.ควรมีวิธีการลงทะเบียนก่อนเข้าใช้บริการแชตไลน์ในระบบออดิโอเท็กซ์ เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้าใช้บริการให้เป็นไปตามข้อตกลงที่ระบุไว้ในสัญญา เช่น การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของกระดานสนทนาในเว็บไซต์บางแห่ง ต้องมีการตรวจสอบเลขที่บัตรประชาชนก่อน เพื่อลงทะเบียนก่อนแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ถ้าสมาชิกท่านใดใช้ข้อความไม่สุภาพ จะโดนตัดออกจากการเป็นสมาชิก หมดสิทธิ์แสดงความคิดเห็น

3.ควรมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสุ่มฟังการสนทนาของผู้เข้าใช้บริการแชตไลน์ในระบบออดิโอเท็กซ์ เพื่อมิให้ใช้ถ้อยคำที่ส่อไปในทางลามกอนาจาร ถ้าตรวจพบผู้เข้าใช้บริการก็ควรตัดสิทธิ์ห้ามเข้าใช้บริการแชตไลน์อีกต่อไป 4.ต้องระงับข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมในการโฆษณาเชิญชวน เข้าใช้บริการแชตไลน์ตามเว็บไซต์และสื่อโฆษณาต่างๆ 5.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการลงโทษผู้ประกอบการตามกฎหมาย ถ้าตรวจพบผู้ประกอบการไม่ทำตามสัญญา

แต่ข้อร้องเรียนยังไม่เห็นผล เพราะฝ่าย กทช.ยังต้องพิจารณากฎระเบียบอำนาจ ทั้งที่ กทช.เองก็ยอมรับ ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเปิดให้บริการแชตไลน์ทางโทรศัพท์มาบ้างแล้ว แต่ต้องตรวจสอบดูก่อนว่า มีกฎระเบียบข้อใดของสำนักงาน กทช.ที่สามารถนำมาใช้ควบคุม และตรวจสอบการเปิดให้บริการแชตไลน์ในระบบออดิโอเท็กซ์บ้าง

หากไม่มีคงต้องดูกันอีกทีว่า กทช.สามารถออกกฎระเบียบหรือมาตรการใดบ้าง ที่สามารถนำมาใช้ควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และหาก กทช.ไม่สามารถดำเนินการในเรื่องนี้ได้ คงต้องดูกันต่อไปว่าเรื่องการออกกฎระเบียบหรือมาตรการควบคุมการให้บริการแชตไลน์ในระบบออดิโอเท็กซ์ อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือกระทรวงวัฒนธรรม

รัฐกำลังรอตรวจสอบ ขณะที่บริษัทผู้ให้บริการอย่างทีโอทีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ สังคมยังขาดภูมิคุ้มกัน

แล้วอย่างนี้ เมื่อไหร่หนูจะหนีพ้นอันตรายเสียที

โถ..ประเทศไทย.

 

'แชทไลน์' ฮิต เหยื่อเป็นเด็ก



11 ธันวาคม 2547 กองบรรณาธิการ

พิษภัยยุคไอที โหลดภาพลามก หนังโป๊ แก้ยังไงก็ไม่หมด ช่วงหลังฮิตแชทไลน์คุยหาคู่ 'ครูหยุย' ออกโรงเตือนผู้เกี่ยวข้องอย่าทำแบบจับจด


ต้องช่วยกันทุกๆ ฝ่าย พร้อมแนะตำรวจถ้าใบปลิวอันไหน "ส่อ" เล่นงานเลย เอาให้หนักๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่ช่วงนี้มีกระแสระบาดหนักเกี่ยวกับการโหลดภาพวาบหวิว ภาพลามกอนาจาร รวมทั้งหนังโป๊ที่เป็นเรื่องสั้นๆ ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายและยั่วยวน มอมเมาให้เยาวชน ซึ่งยังหาเงินเองไม่ได้ใช้บริการ โดยไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ที่สำคัญ ยังมีบริการที่เรียกว่า แชทไลน์ คือ เปิดสาย 1900 ให้โทร.หาเพื่อนคุยคลายเหงา คลายเครียด อีกด้วย

โดยจุดที่ดึงดูดของแชทไลน์ คือ นอกจากการได้คุยกันโดยตรงแล้ว ภาพพรีเซนเตอร์ที่ใช้ยังเน้นเป็นเด็กสาวๆ หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยอีกด้วย ทำให้เด็กสนใจกันมาก โดยเมื่อเด็กซึ่งไม่มีการกำหนดอายุเข้าไปเล่นแล้ว ก็จะมีปัญหาที่ตามมา คือ ไม่ได้เล่นไปตามจุดประสงค์ของบริการ แต่จะใช้ไปในการหาคู่แทน โดยแรกเริ่มก็จะคุยตามปกติ ซึ่งพอเริ่มคุ้นกันเด็กก็จะนัดกันไปเจอ แล้วคบกันก่อนนำพาไปสู่การเสียตัว และเรื่องเลวร้ายอย่างอื่นต่อไป และบริการเหล่านี้นับวันยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีลงโฆษณาตามนิตยสาร หน้าหนังสือพิมพ์กันอย่างโจ่งครึ่ม และยังไม่มีใครให้ความสนใจอย่างจริงจัง

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว. กทม. และประธานคณะกรรมการสตรีเยาวชน และผู้สูงอายุวุฒิสภา กล่าวว่า เรื่องนี้ทางเราก็กำลังเร่งดำเนินการอยู่ ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะสมัยนี้ สื่อลามก อบายมุข มีมาในหลายรูปแบบมาก เด็กสามารถรับรู้ได้หลายทางจากวิวัฒนาการที่ทันสมัย ทั้งทางโทรศัพท์ โทรทัศน์ หนังสือ คอมพิวเตอร์ พูดได้ว่ามาทุกทาง โดยที่น่าเป็นห่วงมากในขณะนี้คือพวกวีซีดีโป๊ เพราะว่าทำง่ายขายคล่อง ใช้คอมพิวเตอร์ตัวเดียวก็ทำขายทำแจกได้ทั่วไป นอกจากนี้ ที่ง่ายกว่าคือหนังโป๊เดี๋ยวนี้แม้แต่โทรศัพท์มือถือก็สามารถโหลดไว้ดูได้ ต้องระวังให้มาก ไม่ใช่สนใจแค่เรื่องภาพลามกเท่านั้น ส่วนอีกอย่างก็เรื่องแชทไลน์ วิธีนี้เด็กจะสามารถคุยกันได้ มีทั้งทางโทรศัพท์ 1900 และคอมพิวเตอร์ ซึ่งทางโทรศัพท์ที่ได้ยินเสียงนั้น จะมีการพูดคุยและก่อให้เกิดการพบปะ การหาคู่ นำไปสู่เรื่องร้ายๆ อีกมากมาย

ครูหยุย กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ต้องเร่งช่วยกันแก้ไข อย่างแชทไลน์นี้เป็นหน้าที่โดยตรงขององค์การโทรศัพท์ จะต้องตรวจสอบว่ามีการทำผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ จะต้องตามดูให้มากขึ้น ควรมีคนคอยตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากนี้ ก็ยังเป็นหน้าที่ของตำรวจด้วยที่ต้องตรวจตรา และให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น ไม่ใช่ทำแบบจับจด หรือพอมีกระแสก็ทำ พอเรื่องเงียบก็หยุด การจัดการก็แค่ดูที่ใบปลิวที่แจก หรือภาพที่ลงในหนังสือต่างๆ เท่านั้น ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมก็จัดการ และต้องหาบทลงโทษที่หนักหน่อย

สำคัญที่สุด ขณะนี้ประชาชนทุกคนจะต้องช่วยกันด้วย ใครเห็นความผิดปกติก็ต้องช่วยกันแจ้ง หรือถ้าช่วยทดลองโทร.เช็ก หรือเก็บใบปลิวเอาไว้ จะถือว่าเป็นการช่วยเยาวชนเป็นอย่างมาก ขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการแรงจากทุกคน เพราะปัญหานี้นับวันก็ยิ่งขยายตัวขึ้น ซึ่งพลเมืองดีที่ต้องการช่วยเหลือก็แจ้งมาได้ที่คณะกรรมการกิจการสตรี เยาวชน และผู้สูงอายุวุฒิสภา, 191, กองปราบปราม, กระทรวงวัฒนธรรม ก็ได้.

05 กรกฎาคม 2549

 

แชตมหาภัย!หนุ่มเชียงรายลวงเด็กม.2 ข่มขืนร่วมสัปดาห์




โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 4 กรกฎาคม 2549 21:00 น.

ปดส. เข้าช่วยเหลือเด็กหญิงวัย 13 ปี หลังถูกหนุ่มเชียงรายลวงไปข่มขืน ระบุแชตผ่านทางโทรศัพท์มือถือเข้าโปรแกรม “แกรมม่า” ไม่ถึงสัปดาห์ ชวนกันไปเที่ยวบ้านที่ จ.เชียงราย สุดท้ายถูกข่มขืนนานร่วมสัปดาห์

วันนี้ (4 ก.ค.) พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชนและสตรี (ปดส.) ควบคุมตัวนายอาคม นามเมือง อายุ 23 ปี ขึ้นเครื่องบินจากสนามบินจังหวัดเชียงใหม่ มายังสนามบินดอนเมือง หลังถูกตำรวจ ปดส. จับกุมได้ที่บ้านพักใน ต.เวียงกาหลง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เพื่อสอบปากคำทันที หลังจากที่นายอาคมได้ล่อลวงเหยื่อสาวอายุ 13 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนดังย่านปทุมวัน ไปข่มขืนนานถึงเกือบสัปดาห์ จนครอบครัวเข้าแจ้งความให้ช่วยติดตามหาบุตรสาวคืน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา

จากการสอบสวน นายอาคมรับสารภาพว่า รู้จักกับเหยื่อสาวทางโทรศัพท์มือถือ ด้วยการแชตผ่านโปรแกรมชื่อ “แกรมม่า” ซึ่งเป็นโปรแกรมผ่านระบบ GPRS โดยหลอกว่าชื่อ กอล์ฟ อายุ 18 ปี และได้แลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ระหว่างกัน ก่อนจะโทรศัพท์และสลับกับแชตคุยกันเรื่อยมา สุดท้ายเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้ออกอุบายให้เหยื่อสาวโกหกทางบ้านว่าไปโรงเรียนตามปกติ แต่ได้นัดหมายให้ไปพบกันที่สถานีขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อพบกันก็ให้โทรศัพท์กลับมาบอกทางบ้านว่า หนีไปอยู่บ้านเพื่อนที่ลาดพร้าว ไม่ต้องตามหา หวังจะตบตาตำรวจไม่ให้ตามหาพบ และได้ยึดโทรศัพท์ของเหยื่อสาวเก็บไว้ จากนั้นได้พาไปที่บ้านพักในจังหวัดเชียงราย และลงมือข่มขืนหลายครั้ง

ซึ่งแนวทางสืบสวน ตำรวจได้สอบถามตามบ้านเพื่อนก็พบเบาะแสว่า เหยื่อสาวชอบแชตคุยกับเพื่อนชาย ด้วยการแชตผ่านโปรแกรมชื่อ “แกรมม่า” จึงเข้าไปตรวจสอบโปรแกรมดังกล่าว และตามจับกุมได้ในที่สุด จึงแจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี