19 กรกฎาคม 2549

 

'แชทไลน์' ฮิต เหยื่อเป็นเด็ก



11 ธันวาคม 2547 กองบรรณาธิการ

พิษภัยยุคไอที โหลดภาพลามก หนังโป๊ แก้ยังไงก็ไม่หมด ช่วงหลังฮิตแชทไลน์คุยหาคู่ 'ครูหยุย' ออกโรงเตือนผู้เกี่ยวข้องอย่าทำแบบจับจด


ต้องช่วยกันทุกๆ ฝ่าย พร้อมแนะตำรวจถ้าใบปลิวอันไหน "ส่อ" เล่นงานเลย เอาให้หนักๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่ช่วงนี้มีกระแสระบาดหนักเกี่ยวกับการโหลดภาพวาบหวิว ภาพลามกอนาจาร รวมทั้งหนังโป๊ที่เป็นเรื่องสั้นๆ ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายและยั่วยวน มอมเมาให้เยาวชน ซึ่งยังหาเงินเองไม่ได้ใช้บริการ โดยไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ที่สำคัญ ยังมีบริการที่เรียกว่า แชทไลน์ คือ เปิดสาย 1900 ให้โทร.หาเพื่อนคุยคลายเหงา คลายเครียด อีกด้วย

โดยจุดที่ดึงดูดของแชทไลน์ คือ นอกจากการได้คุยกันโดยตรงแล้ว ภาพพรีเซนเตอร์ที่ใช้ยังเน้นเป็นเด็กสาวๆ หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยอีกด้วย ทำให้เด็กสนใจกันมาก โดยเมื่อเด็กซึ่งไม่มีการกำหนดอายุเข้าไปเล่นแล้ว ก็จะมีปัญหาที่ตามมา คือ ไม่ได้เล่นไปตามจุดประสงค์ของบริการ แต่จะใช้ไปในการหาคู่แทน โดยแรกเริ่มก็จะคุยตามปกติ ซึ่งพอเริ่มคุ้นกันเด็กก็จะนัดกันไปเจอ แล้วคบกันก่อนนำพาไปสู่การเสียตัว และเรื่องเลวร้ายอย่างอื่นต่อไป และบริการเหล่านี้นับวันยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีลงโฆษณาตามนิตยสาร หน้าหนังสือพิมพ์กันอย่างโจ่งครึ่ม และยังไม่มีใครให้ความสนใจอย่างจริงจัง

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว. กทม. และประธานคณะกรรมการสตรีเยาวชน และผู้สูงอายุวุฒิสภา กล่าวว่า เรื่องนี้ทางเราก็กำลังเร่งดำเนินการอยู่ ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะสมัยนี้ สื่อลามก อบายมุข มีมาในหลายรูปแบบมาก เด็กสามารถรับรู้ได้หลายทางจากวิวัฒนาการที่ทันสมัย ทั้งทางโทรศัพท์ โทรทัศน์ หนังสือ คอมพิวเตอร์ พูดได้ว่ามาทุกทาง โดยที่น่าเป็นห่วงมากในขณะนี้คือพวกวีซีดีโป๊ เพราะว่าทำง่ายขายคล่อง ใช้คอมพิวเตอร์ตัวเดียวก็ทำขายทำแจกได้ทั่วไป นอกจากนี้ ที่ง่ายกว่าคือหนังโป๊เดี๋ยวนี้แม้แต่โทรศัพท์มือถือก็สามารถโหลดไว้ดูได้ ต้องระวังให้มาก ไม่ใช่สนใจแค่เรื่องภาพลามกเท่านั้น ส่วนอีกอย่างก็เรื่องแชทไลน์ วิธีนี้เด็กจะสามารถคุยกันได้ มีทั้งทางโทรศัพท์ 1900 และคอมพิวเตอร์ ซึ่งทางโทรศัพท์ที่ได้ยินเสียงนั้น จะมีการพูดคุยและก่อให้เกิดการพบปะ การหาคู่ นำไปสู่เรื่องร้ายๆ อีกมากมาย

ครูหยุย กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ต้องเร่งช่วยกันแก้ไข อย่างแชทไลน์นี้เป็นหน้าที่โดยตรงขององค์การโทรศัพท์ จะต้องตรวจสอบว่ามีการทำผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ จะต้องตามดูให้มากขึ้น ควรมีคนคอยตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากนี้ ก็ยังเป็นหน้าที่ของตำรวจด้วยที่ต้องตรวจตรา และให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น ไม่ใช่ทำแบบจับจด หรือพอมีกระแสก็ทำ พอเรื่องเงียบก็หยุด การจัดการก็แค่ดูที่ใบปลิวที่แจก หรือภาพที่ลงในหนังสือต่างๆ เท่านั้น ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมก็จัดการ และต้องหาบทลงโทษที่หนักหน่อย

สำคัญที่สุด ขณะนี้ประชาชนทุกคนจะต้องช่วยกันด้วย ใครเห็นความผิดปกติก็ต้องช่วยกันแจ้ง หรือถ้าช่วยทดลองโทร.เช็ก หรือเก็บใบปลิวเอาไว้ จะถือว่าเป็นการช่วยเยาวชนเป็นอย่างมาก ขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการแรงจากทุกคน เพราะปัญหานี้นับวันก็ยิ่งขยายตัวขึ้น ซึ่งพลเมืองดีที่ต้องการช่วยเหลือก็แจ้งมาได้ที่คณะกรรมการกิจการสตรี เยาวชน และผู้สูงอายุวุฒิสภา, 191, กองปราบปราม, กระทรวงวัฒนธรรม ก็ได้.

บทความที่น่าใส่ใจ : แสดงความคิดเห็น

<< vvv