31 สิงหาคม 2549

 

แชตเสียสาว ลวงข่มขืนม.4

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 ส.ค. พ.ต.ท.ธเนศ วิบูลย์เกียรติ์ สว.สส.สภ.อ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมพวกจับกุมนายถนอมศักดิ์ เทียบศรี อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 หมู่ 1 ต.หนองแวงโสกพระ อ.พล จ.ขอนแก่น พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโมบาย 1 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ลานจอดรถหน้าสถานีขนส่งเชียงใหม่อาเขต อ.เมืองเชียงใหม่ นำตัวมามอบให้ พ.ต.ต.หญิง สายพิณ ทิจรัตน์ สารวัตรเวร สภ.อ. เมืองเชียงใหม่ ดำเนินคดีในข้อหาพรากผู้เยาว์ไปจากบิดามารดา ข่มขืนหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาตน และลักทรัพย์

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 08.00 น. วันเดียวกัน นางแดง (นามสมมติ) อายุ 45 ปี พา น.ส.ดา (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.หญิง สายพิณ ทิจรัตน์ สารวัตรเวร สภ.อ.เมืองเชียงใหม่ ว่า น.ส.ดาถูกนายถนอมศักดิ์ใช้กลอุบายล่อลวงไปข่มขืนแล้วลักโทรศัพท์มือถือหลบหนีไป

น.ส.ดาให้การว่า รู้จักกับนายถนอมศักดิ์จากการเล่นแชตหาเพื่อนทางอินเตอร์เน็ตจนสนิทสนมกัน จากนั้นนายถนอมศักดิ์ก็ขอเบอร์โทรศัพท์มือถือแล้วโทร.พูดคุยกันได้ราว 1 เดือน โดยนายถนอมศักดิ์อ้างว่าเป็นคนชลบุรี อยากมาเที่ยวเชียงใหม่ ถ้ามาแล้วขอให้ช่วยเป็นไกด์นำทางพาเที่ยวด้วย กระทั่งเมื่อเย็นวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา นายถนอมศักดิ์โทรศัพท์มาหาบอกว่าให้มารับด้วยเพราะขณะนี้นั่งรถทัวร์มาลงที่สถานีขนส่งเชียงใหม่อาเขตแล้ว ตอนแรกนึกว่านายถนอมศักดิ์โกหกเพราะไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน เคยพูดคุยกันเฉพาะทางโทรศัพท์เท่านั้น ไม่คิดว่าจะกล้าขึ้นมาหาจริงๆ จึงขี่รถจยย.ไปดูที่หน้าสถานีขนส่งเชียงใหม่อาเขต ก็พบนายถนอมศักดิ์ยืนอยู่ นายถนอมศักดิ์ขอร้องให้ช่วยพาไปหาห้องพักเพราะเพิ่งมาเชียงใหม่ครั้งแรก ด้วยความสงสารจึงพาซ้อนท้ายรถ จยย.ตระเวนหาห้องพัก กระทั่งไปได้ห้องพักหมายเลข 410 โรงแรมมนตรี ถนนมูลเมือง ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่

เหยื่อกามให้การต่อว่า ตกกลางคืนนายถนอมศักดิ์พาไปกินอาหารค่ำ จากนั้นใช้อุบายล่อลวงไปที่ห้องพัก พร้อมใช้กำลังปลุกปล้ำข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง ตนหมดแรงม่อยหลับไป ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพบว่านายถนอมศักดิ์หายตัวไปแล้ว และยังขโมยโทรศัพท์มือถือของตนไปด้วย จึงโทรศัพท์ไปแจ้งผู้ปกครอง ซึ่งทำงานเป็นข้าราชการฝ่ายปกครองแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ มาช่วยเหลือและพากันมาแจ้งความกับตำรวจ พนักงานสอบสวนจึงส่งตัว น.ส.ดาไปตรวจร่างกายที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ไว้เป็นหลักฐาน พร้อมประสานชุดสืบสวนออกตามล่าตัวหนุ่มหื่นกาม โดยตำรวจไปดักรอที่สถานี ขนส่งเชียงใหม่อาเขต เพราะคาดว่าผู้ต้องหาจะต้องขึ้นรถโดยสารหลบหนีกลับบ้าน กระทั่งพบนายถนอมศักดิ์กำลังซื้อตั๋วรถทัวร์กลับ จ.ขอนแก่น จึงจับกุมนำตัวมา ให้ผู้เสียหายชี้ตัวที่โรงพัก

นายถนอมศักดิ์ ผู้ต้องหาจอมเจ้าเล่ห์ ให้การอ้างว่า เป็นพนักงานโรงงานเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง ไม่ได้ ตั้งใจข่มขืน น.ส.ดา แต่ฝ่ายหญิงสมยอมและเป็นฝ่ายรบเร้าท้าทายให้ขึ้นมาหาที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อขึ้นมาแล้วก็ไม่อยากเสียเที่ยวเลยปลุกปล้ำข่มขืนเหยื่อจนสำเร็จความใคร่ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายติดมือไปด้วยเพื่อจะนำไปขายหาเงินไปจ่ายเป็นค่ารถกลับ จ.ขอนแก่น วางแผนไว้ว่าเมื่อกลับไปแล้วก็จะไม่ ติดต่อกับผู้เสียหายอีก เนื่องจากเหยื่อไม่รู้ชื่อที่อยู่จริงของตน แต่หนีไม่รอดถูกตำรวจตามรวบไว้ได้ก่อน



ที่มา : ไทยรัฐ

22 สิงหาคม 2549

 

อนาถวงการอินเทอร์เน็ต แพร่ภาพลามกเด็กเพิ่มสูง

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 21 สิงหาคม 2549 20:07 น.


สื่อมะกันตีแผ่วงจรอุบาทว์เว็บลามกอนาจารเด็ก เผยทำกันเป็นขบวนการ นิยมเผยแพร่ภาพเด็กหญิงชายอายุไม่เกิน 10 ปีอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยอ้างฉากหน้าเป็นเว็บโมเดลลิ่งจัดหาเด็กเข้าสู่วงการโฆษณา ด้านเอเจนซี่ระบุเว็บดังกล่าวไม่ถูกจัดให้เป็นบริษัทโมเดลลิ่ง เนื่องจากเป็นธุรกิจบังหน้าค้ากามเด็ก

ผลจากการปราบปรามเว็บไซต์ลามกอนาจารของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้เว็บไซต์ภาพลามกเด็กต้องปรับภาพลักษณ์ตัวเองใหม่เป็นเว็บโมเดลลิ่งตบตาเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ภาพที่แสดงในเว็บยังคงเป็นภาพเด็ก ๆ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น และโพสต์ท่าถ่ายรูปในแบบที่กลุ่มโคแก่ผู้นิยมหญ้าอ่อนต้องการ

นิวยอร์กไทม์ระบุว่า ช่องทางการเข้าสู่เว็บไซต์เหล่านั้นคือ การคลิกผ่านลิงค์โฆษณาที่ติดอยู่ตามเว็บพอร์ทัลต่าง ๆ โดยทางเว็บจะใช้ภาพเด็กอายุระหว่าง 2 - 12 ปีเป็นตัวดึงดูดใจกลุ่มผู้ใหญ่ใจวิปริตดังกล่าว

ขบวนการนี้ไม่เพียงแต่มีเว็บภาพลามกอนาจารเด็ก แต่ยังมีการจัดทำเว็บพอร์ทัลสำหรับใช้เป็นศูนย์รวมเว็บไซต์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน และทำการตลาดร่วมกัน โดยมีการขายลิสต์รายชื่อของเว็บโมเดลลิ่งภาพอนาจารเด็กที่ได้รับความนิยมอันดับสูง ๆ พร้อมพาสเวิร์ดในการเข้าชมให้กับลูกค้าที่สนใจ และยังมีภาพเว็บแคมผิดกฎหมายของเด็กให้เลือกดูด้วย

นิวยอร์กไทม์ได้ยกตัวอย่างเว็บไซต์ประเภทดังกล่าว ซึ่งเผยแพร่ภาพเด็กทั้งสวมเสื้อผ้าและชุดว่ายน้ำ พร้อมข้อความเช่น "Hot" และ "delicious" บรรยายไว้ใต้ภาพ เป็นต้น

อินเทอร์เน็ตกลายเป็นช่องทางการแพร่กระจายภาพถ่ายการล่วงละเมิดทางเพศของเด็ก โดยสถิติการเผยแพร่ไฟล์ภาพถ่ายการละเมิดทางเพศเด็กผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนับตั้งแต่ปี 1988 จนถึงปัจจุบันนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องคิดเป็น 1,500 เปอร์เซ็นต์ (อ้างอิงจาก National Children’s Homes report)

นอกจากนั้นยังพบว่า มีภาพถ่ายอนาจารเด็กถูกโพสต์ขึ้นบนเว็บไซต์มากกว่า 140,000 ภาพในระยะเวลา 6 สัปดาห์ด้วย ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวทำให้เชื่อได้ว่าเด็กอย่างน้อย 20 คนถูกข่มขืน และขบวนการวิปริตกลุ่มนี้สามารถถ่ายภาพการทารุณดังกล่าวได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ภาพต่อเด็กหนึ่งคน (อ้างอิงจาก National Society for the Prevention of Cruelty to Children)

ที่สำคัญอายุของเด็กที่ตกเป็นเหยื่อมีแนวโน้มลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่ามีภาพเด็กอ่อนอายุ 2 - 4 ปีถูกทารุณกรรม หรือแม้แต่เด็กทารกก็มีแล้วเช่นกัน

จากภาพถ่ายที่ตรวจพบในระหว่างปี 2000 - 2001 พบว่าเป็นภาพเด็กอายุระหว่าง 6 - 12 ปี จำนวน 83 เปอร์เซ็นต์, ตามมาด้วยภาพเด็กอายุระหว่าง 3 - 5 ปีจำนวน 39 เปอร์เซ็นต์ และภาพเด็กทารก - 3 ปีทั้งสิ้น 19 เปอร์เซ็นต์ (อ้างอิง National Center for Missing & Exploited Children)

ตัวเลขจากมูลนิธิเฝ้าระวังทางอินเทอร์เน็ต (the Internet Watch Foundation) ระบุว่า เว็บไซต์ผิดกฎหมายเหล่านี้มีถิ่นที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกาถึงกว่าครึ่งของจำนวนทั้งหมด และเว็บไซต์ประเภทดังกล่าวในรัสเซียก็เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าด้วยเช่นกัน

02 สิงหาคม 2549

 

จับเณรมารศาสนา! แชตลวง นศ.’ขยี้กาม’ในกุฏิวัด!


ใช้เครื่องมือไฮเทค ตร.บุกค้นถึงตะลึงกำลังนัวเนียสาวรุ่น เชื่อมีเหยื่อหลายราย
ตำรวจ ปดส.บุกรวบ “เณรเอ็ม” คากุฏิวัดวิเศษการ ถึงกับตะลึง พบกำลังกอดรัดกับวัยรุ่นสาวนัวเนียในสภาพเปลือยกายทั้งคู่ ค้นเจอวิดีโอเทปที่ถ่ายภาพร่วมรักกับสาวๆ หลายราย หนังสือโป๊บานเบอะ กับถุงยางอีกเพียบ เจ๋งกว่า "เณรแอ จอมขมังเวท" ด้วยการใช้วิธีไฮเทคแทนคาถา "แชต" ทางอินเทอร์เน็ตลวงนักศึกษาสาวมหา"ลัยดังเข้ากุฏิปลุกปล้ำข่มขืน แต่ "มังกร" ไม่ยอมผงาด เหยื่อรอดไปได้เลยเข้าแจ้งความ เหลือบผ้าเหลืองยังปากแข็งปฏิเสธไม่ได้ล่อลวงหรือขู่บังคับ สาว ๆ ที่ยอมให้ร่วมรักต่างมาด้วยความสมัครใจ เพราะตัวเองเป็นกะเหรี่ยง หน้าตาดี ตร.เชื่อมีหญิงสาวตกเป็นเหยื่อหลายรายแต่ไม่กล้าแจ้งความ เพราะถูกผู้ต้องหาขู่เอาภาพในวิดีโอเทปออกประจาน

เหตุมารศาสนาลวงนักศึกษาสาวเข้ากุฏิปลุกปล้ำข่มขืนรายนี้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 ส.ค. พ.ต.ต.อุเทน นุ้ยพิน สว. กก. 1 บก.ปดส. พร้อมกำลังจำนวนหนึ่งนำหมายศาลเข้าตรวจค้นกุฏิคณะ 4 วัดวิเศษการ เลขที่ 42 ถนนพรานนก แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย เพื่อจับกุม สามเณรนิทัศน์ หรือเณรเอ็ม หรือนายอภิลักษณ์ กาวินำ อายุ 22 ปี สามเณรลูกวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตะลึงเมื่อเข้าไปในกุฏิ เพราะพบภาพบัดสีมีหญิงสาววัยรุ่นหุ่นดีหน้าตาสวยกำลังเปลือยกายกอดก่ายนัวเนียกับเณรเอ็มอยู่ภายในกุฏิสองต่อสอง จึงให้ใส่เสื้อผ้าห่มจีวรนำตัวเณรเอ็มไปให้เจ้าอาวาสวัดวิเศษการจับสึกควบคุมตัวไปสอบสวนที่ บก.ปดส. ส่วนภายในกุฏิตรวจค้นพบเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง ซีดีภาพยนตร์ลามกทั้งไทยและต่างประเทศ 3 กล่อง หนังสือโป๊ 4 เล่ม กล้องถ่ายวิดีโอ กล้องถ่ายรูปดิจิตอล วิดีโอเทปบันทึกภาพนายอภิลักษณ์ขณะมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาว 2-3 ราย จดหมายที่บรรดาหญิงสาวเขียนถึงนายอภิลักษณ์จำนวนหนึ่ง ถุงยางอนามัย 1 กล่อง สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ มียอดเงิน 50,500 บาท และเงินสด 30,000 บาท จึงยึดเอาไว้เป็นหลักฐาน

การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มี น.ส.โบว์ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี นักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบก.ปดส. ว่าได้ถูกนายอภิลักษณ์ ล่อลวงไปล่วงละเมิดทางเพศภายในกุฏิวัดวิเศษการ โดยเมื่อตอนค่ำวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา น.ส.โบว์ ได้เล่นแชตทางเว็บไซต์หนึ่งในอินเทอร์เน็ตจนมีชายหนุ่มใช้ชื่อว่า "เอ็ม" แชตมาคุยด้วย อ้างตัวว่าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง พักอาศัยอยู่ใกล้ รพ.ศิริราช และยังเปิดร้านให้เช่าวีซีดีและให้เล่นเกมด้วย หลังจากนั้นได้แชตคุยกันอีกหลายครั้ง จนกระทั่งให้เบอร์โทรศัพท์โทรฯคุยกันแล้วนัดพบกันเมื่อวันที่ 22 ก.ค.

เมื่อตนไปพบจึงรู้ว่า นายเอ็ม เป็นสามเณรอยู่วัดวิเศษการ และชวนตนไปคุยที่กุฏิ พอตนเข้าไปในกุฏิ เณรเอ็ม ได้ปิดล็อกประตูแล้วตรงเข้าปลุกปล้ำพยายามจะข่มขืน แต่ตนขัดขืน ต่อสู้ใช้ปากกัดมือ เณรเอ็มจึงบีบคอและชกท้องขู่ ว่าถ้าส่งเสียงร้องจะเรียกเด็กวัดเข้ามารุมโทรมด้วย ตนจึงจำยอมแกล้งพูดดีกับเณรเอ็มบอกให้ใส่ถุงยางอนามัยก่อน แต่โชคดีที่เณรเอ็มพยายามใส่ถุงยางหลายครั้งอวัยวะเพศไม่ยอมแข็งตัวจนอ่อนใจยอมปล่อยตนกลับไป ตนจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้ปกครองฟังก่อนจะมาแจ้งความให้ตำรวจไปจับกุมดังกล่าว

ด้าน นายอภิลักษณ์ หรืออดีตสามเณรเอ็ม ผู้ต้องหาให้การว่า เดิมตนเองเป็นชาวกะเหรี่ยงใน อ.อุ้มผาง จ.ตาก บวชเป็นสามเณรที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.อุ้มผาง เมื่อปี 2542 จนปี 2544 เดินทางมาอยู่ที่วัดวิเศษการ ศึกษาจนจบนักธรรมเอกแล้วเริ่มเล่นแชตทางอินเทอร์เน็ตคุยกับสาว ๆ โดยใช้ชื่อว่า "เอ็ม" หรือ "ม่อน" โดยที่ผ่านมามีหญิงสาวทั้งนักเรียนและนักศึกษามาหาพลีกายให้ในกุฏิมาแล้วหลายราย แต่ละรายมาด้วยความสมัครใจ เพราะตนเองเป็นคนหน้าตาดี ไม่ได้บังคับหรือข่มขู่ใครตามที่ถูก น.ส.โบว์ กล่าวหา ส่วนวิดีโอเทปที่มีภาพตนร่วมรักกับหญิงสาวนั้น ตนเป็นคนตั้งกล้องถ่ายไว้เอง เพื่อเก็บเอาไว้ดูเองเท่านั้น ไม่ได้เอาไปเผยแพร่หรือใช้ข่มขู่หญิงสาวที่อยู่ในภาพวิดีโอเทปแต่อย่างใด

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา นายอภิลักษณ์ พยายามข่มขืนกระทำชำเรา ล่อลวงหญิงสาวไปเพื่อการอนาจาร และกักขังหน่วงเหนี่ยว ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีที่ บก.ปดส. พร้อมกับจะตรวจสอบว่าเป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายหรือไม่ และจะติดตามตัวหญิงสาวในภาพวิดีโอเทปมาสอบสวนว่าถูกอดีตเณรเอ็มล่อลวงมาข่มขืนและถ่ายวิดีโอเทปเอาไว้ข่มขู่หรือไม่ หรือหากใครถูกผู้ต้องหารายนี้ล่วงละเมิดทางเพศให้มาชี้ตัวยืนยันได้ที่ บก.ปดส.

ที่มาข่าวและรูปจากเว็บไซติหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำวันที่ 2 สิงหาคม 2549