28 เมษายน 2551

 

ชี้เด็กไทยวิกฤตหนัก! คุณธรรมลด-ก้าวร้าว หวั่นเป็นยุวอาชญากร

นักวิชาการจุฬาฯชี้เด็กไทยวิกฤติหนัก ก้าวร้าว หมกมุ่นเรื่องเพศ ติดเกม ทำศัลยกรรม คุณธรรมและจริยธรรมลดฮวบ เดินตามก้นเกาหลี-ญี่ปุ่น เหตุรากวัฒนธรรมกำลังเน่า ห่วงอีก 10-15 ปี พัฒนาเป็นยุวอาชญากร

ด้านเลขาฯมูลนิธิชัยพัฒนาเผย "ในหลวง" ทรงเตือนสติคนไทย ใช้ชีวิตพอเพียง เดินสายกลาง รู้จักประมาณตน มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันสถาบันพระบรมราชนก ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาเขตภาคกลาง 97 จัดประชุมวิชาการประจำปี 2550 ของเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาเขตภาคกลาง เพื่อพัฒนาบัณฑิตอุดมคติไทย เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาบัณฑิตอุดมคติไทย...จากแนวคิดสู่การปฏิบัติ เพื่อเฉลิมพระเกียติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ที่ห้องประชุมไพจิตร ปวะบุตร กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 สิงหาคม ซึ่งมีนายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา บรรยายพิเศษเรื่อง "พระจริยวัตรของในหลวงกับเศรษฐกิจพอเพียง"

นายสุเมธกล่าวตอนหนึ่งว่า หลักเศรษฐกิจแบบพอเพียง เป็นเรื่องของปรัชญาและธรรมะ ในปัจจุบันมีหลายหน่วยงานอยากที่จะทำให้ระบบการทำงานของตนเอง เป็นไปในรูปแบบของเศรษฐกิจแบบพอเพียง

โดยการยึดหลักธรรม 3 ประการ คือ

1.ความพอประมาณ แต่ความพอประมาณตนของแต่ละคนไม่เท่ากัน ต้องรู้จักประเมินตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร

2.ความมีเหตุมีผล สามารถอธิบายได้ว่าทุกอย่างที่ทำมีที่มาที่ไปอย่างไร และ

3.มีภูมิคุ้มกัน เป็นการป้องกันก่อนที่จะทำอะไร หรือก่อนที่ปัญหาต่างๆ จะเกิด เป็นการใช้สติในการจัดการกับปัญหาในทุกๆ เรื่อง สติเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิต เมื่อใช้สติแล้วปัญญาก็จะเกิด ซึ่งถ้าใช้หลักการทั้ง 3 ข้อนี้ก็จะสามารถดำเนินชีวิตภายใต้เศรษฐกิจแบบพอเพียงได้อย่างมีหลักการ"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเตือนสติคนไทยอยู่ตลอดเวลาว่าให้ใช้ชีวิตแบบพอเพียง เดินทางสายกลาง เมื่อรู้จักประมาณตนแล้ว ต้องใช้เหตุใช้ผล และมีสติ รู้จักบริหารความเสี่ยง คือ ต้องมีจริยธรรมคุณธรรม และมุ่งประโยชน์สุขเป็นที่ตั้ง เวลาจะทำอะไรก็ตาม ให้ยึดหลักธรรม และธรรมชาติ ทุกอย่างจะสำเร็จลงได้ด้วยดี ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ธรรมดา แค่นี้ก็จะสามารถทำให้เราอยู่ได้อย่างมีความสุข" นายสุเมธกล่าว จากนั้นเป็นการบรรยายเรื่อง "วิกฤตเยาวชนไทยในยุคปัจจุบัน"

โดยนายสมพงษ์ จิตระดับ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งกล่าวว่า สถานการณ์เด็กและเยาวชนไทยจะแย่ลงเรื่อยๆ ซึ่งในอีก 10-15 ปีข้างหน้า ปัญหาหนักจนถึงขั้นวิกฤต เนื่องจากปัญหาหลัก 3 ด้าน คือ

1.ปัจจุบันเด็กและเยาวชน ร้อยละ 90 มีคุณลักษณะหรือคาแรคเตอร์ ก้าวร้าว หมกมุ่นเรื่องเพศ และติดเกม ทำให้เด็กมีคุณภาพ คุณธรรม จริยธรรมลดลง

2.เด็กที่ศึกษาในระดับมัธยมมีการเปลี่ยนแปลงในทางแย่มากขึ้น คือ เล่นกีฬา ช่วยงานบ้าน ไปเที่ยวกับครอบครัวและไปวัดน้อยลง ขณะที่เด็กเหล่านี้มีความต้องการที่จะเล่นอินเตอร์เน็ต ดูเว็บโป๊ ทำศัลยกรรม เที่ยวกลางคืน เล่นหวย คุยโทรศัพท์ และติดเพื่อนเพิ่มมากขึ้น และ

3.เด็กไทยจะเป็นเด็กที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย โดยเฉพาะวัฒนธรรม K-Pop คือ วัฒนธรรมของนักร้อง ดาราเกาหลี ซึ่งวัยรุ่นเกาหลี ร้อยละ 30 ทำศัลยกรรมทั้งสิ้น และ J-Pop วัฒนธรรมดารา นักร้องญี่ปุ่น จึงทำให้กลืนความเป็นไทย วัฒนธรรมดีๆ ของไทยลดน้อยลงเหลือประมาณร้อยละ 30 เท่านั้น คือเหลือเพียง รู้จักการไหว้ พูดภาษาไทย และใช้เงินไทยเท่านั้น"

นายสมพงษ์กล่าวว่า รากของวัฒนธรรมไทยในเด็กกำลังจะเน่า เพราะเด็กไทยจะซึมซับเอาวัฒนธรรมจากต่างชาติเข้ามาผสม
จนกลายเป็นวัฒนธรรมสากลไปจนหมด โดยเฉพาะปัญหาทางเพศ ที่เด็กไทยเรียนรู้เรื่องเหล่านี้ก่อนวัยอันควรหลายปี เป็นเพราะในสังคมมีวัตถุทางเพศดาษดื่น ส่วนใหญ่มาจากการเล่นอินเตอร์เน็ต เข้าชมเว็บโป๊ หรือวีซีดีโป๊ต่างๆ เมื่อมีการเรียนรู้ ก็จะกระตุ้นให้เด็กทดลองด้วยตัวเอง คือไปมีเพศสัมพันธ์กับเพื่อนต่างเพศ สุดท้ายก็กลายเป็นปัญหาสังคมตามมาคือ ตั้งครรภ์ตั้งแต่ในวัยเรียน"

นอกจากนี้ ยังพบว่าเด็กที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ เด็กที่หลุดจากระบบการศึกษา มีมากถึงร้อยละ 4 ของเด็กในวัยเรียนทั้งหมด หรือประมาณ 2-3 แสนคนทั่วประเทศ จากทั้งหมด 175 เขตการศึกษา เฉลี่ยมีเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษา เขตการศึกษาละ 1,000-1,200 คน เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ มีเด็กกลุ่มนี้เฉลี่ยชุมชนละ 15-20 คน

สาเหตุที่ทำให้เด็กไม่ได้เรียนหนังสือมาจากการอพยพย้ายถิ่นที่ทำงานตามพ่อแม่ และปัญหาความยากจน นายสมพงษ์กล่าวว่า เด็กเหล่านี้เมื่อไม่ได้เรียนหนังสือก็จะกลายเป็นแรงงานไร้ฝีมือ มักจะทำงานรับช่วงต่อจากพ่อแม่ โดยเด็กผู้หญิงมักจะไปทำงานเป็นสาวโรงงาน สาวห้าง หรือเด็กเสิร์ฟ สุดท้ายก็ถูกหิ้ว ถูกออฟ ส่วนเด็กผู้ชายก็จะหันไปขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และเมื่อรายได้ไม่พอใช้ก็จะอพยพเข้าเมือง แต่ปัญหาก็ไม่จบเพราะชีวิตในเมืองอ้างว้าง โดดเดี่ยว ทำให้ต้องรีบหาคู่มีครอบครัวซึ่งวงจรชีวิตของลูกหลานของเขา ก็จะโคจรเหมือนพ่อแม่ เป็นปัญหาที่ไม่สิ้นสุด

จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างพบว่าคนที่อายุเพียง 28 ปี ก็เป็นย่า เป็นยายคนได้"จากการติดตามพฤติกรรมเด็กพบเรื่องที่น่าตกใจคือ ว่าเด็กเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะพัฒนาเป็นยุวอาชญากรสูงมาก ยิ่งหากมีปัญหายาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเด็กก็จะพัฒนากลายเป็นโจรได้ง่ายขึ้น มีการตบทรัพย์จากเด็กด้วยกัน หรือไปจับกลุ่มตามห้างสรรพสินค้า อยู่ในซอก จุดอับ เพื่อขู่กรรโชกทรัพย์จากคนที่มาเดินห้าง ในอนาคตปัญหาเหล่านี้จะเพิ่มมากขึ้น ทั้งหมดมาจากปัญหาการศึกษาเข้ามาถึงคนกลุ่มนี้" อาจารย์คณะครุศาสตร์จุฬาฯระบุ

ที่มา จากเว็บ Dhamma Media Channel

ป้ายกำกับ: , ,


บทความที่น่าใส่ใจ : แสดงความคิดเห็น

<< vvv